ชวนคิดกันเล่นๆ นะครับว่าในเมื่อเศรษฐกิจของประเทศเราทุกวันนี้ต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออกเป็นหลัก หากวันใดวันหนึ่งเมื่อกระแสลมพัดหวนกลับ โชคไม่ได้เข้าข้างเราอีกต่อไป สินค้าส่งไปขายฝรั่งมังค่าไม่ได้อีกแล้วหรือยากขึ้นๆ
ปรากฏการณ์นี้มีให้เห็นจากประเทศที่เคยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ๆ เช่น อเมริกาหรือญี่ปุ่น ต่างมีแผนย้ายฐานการผลิตที่เคยมาลงทุนในประเทศไทยและเพื่อนบ้าน เพราะจากได้รับสิทธิ์พิเศษในการลงทุนมากมายโดยเฉพาะค่าแรงราคาถูก แต่ปัจจุบันไม่ถูกในสายตาของพวกเขาแล้ว จึงค่อยๆ ย้ายฐานกลับไปผลิตในบ้านของตัวเอง เพราะมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกกว่าเดิม และสามารถใส่เครดิตแหล่งผลิตลงไปว่า Made in Japan หรือ Made in America ทำให้เพิ่มมูลค่าความน่าเชื่อถือได้อีกแล้วเราจะหารายได้เข้าประเทศมาชดเชยอย่างไร
ยังไม่มีใครรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องว่าควรเป็นอะไร ลำพังแค่นึกว่าจะไม่มีใครซื้อของเราหรือไม่มาลงทุนในบ้านเราก็ทำให้รู้สึกหนาวเข้าไปถึงสันหลังแล้วครับ แต่กระนั้นก็ยังไม่ถึงกับนอนไม่หลับกันหรอกครับ เพราะประเทศของเราก็มีของดีชั้นเลิศอยู่มากมายที่สามารถนำมาพัฒนาให้มีมูลค่าสูงๆ ได้ ดีขนาดที่ใครๆ ก็ต้องมาง้อของซื้อก็ยังได้ แต่เพราะเราเคยชินกับการขายของถูกมานานครับ เลยไม่คิดว่าจะขายได้ เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล (มัลดีฟมีแค่เกาะกับปลาอยู่กลางทะเลเท่านั้น หรือภูฏานอยู่บนเขาสันโดษ มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ต่างไปจากชนเผ่าของเรานิดเดียวเอง แต่ทั้งสองประเทศนี้ก็สามารถขายของแพงได้ เพราะถือว่าเป็นระดับพรีเมียม)
แต่มีเรื่องน่ายินดีที่ ‘พีพีโมเดล’ กำลังนำร่องการจัดระเบียบนักท่องเที่ยว รวมถึงมีแผนพัฒนาหมู่เกาะสวยๆ ของเราทางฝั่งอันดามันให้มีคุณค่าสมราคา เช่น การปิดเกาะมาหยา 4 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน-กันยายน และอีกหลายๆ เกาะ เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังน้ำตื้นและดูแลระบบนิเวศให้เป็นไปตามธรรมชาติ รวมทั้งจัดระเบียบเรือนำเที่ยว เข้มงวดกับการทิ้งสมอ ทิ้งน้ำเสียและคราบน้ำมันจากเรือ และขยับนโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมอีกด้วย
เมืองไทยของเราโชคช่วยให้ทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน สลับกันสวยฝั่งละ 6 เดือนที่จะมีอากาศใส ทะเลสะอาดสวยอุ่นสบาย และหาดทรายขาวละเอียดยิบงามราวอยู่บนสวรรค์ อาหารทะเลของเรานั้นรสชาติเป็นที่เลื่องลือ แต่เพราะมีแนวนโยบายที่ต้องการเร่งตัวเลขนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นทุกๆ ปี ทำให้เราอาจได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งมายาคติเรื่องตัวเลขนั้น ควรทบทวนว่า เราหลงทางกันอยู่หรือเปล่า เพราะของดีราคาถูก ไม่มีในโลกครับ และผมขอยืนยันว่า หาดทรายชายทะเลที่เรามีเป็นของดีที่สุดในโลกครับ
ประเทศของเรามีผลไม้ที่รสชาติยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเงาะ มังคุด ทุเรียน ลำไย ลองกอง ส้ม กล้วย มะม่วงและอีกสารพัดชนิดที่มีให้กินทั้งปี ใครมากินก็จะติดใจในรสชาติที่หอมหวาน คนญี่ปุ่นนั้นชอบกินผลไม้ไทยมากโดยเฉพาะกล้วยหอม อย่าซื้อกระเช้าดอกไม้ไปให้เป็นการต้อนรับเชียว แต่จงให้กระเช้าผลไม้ที่มีแต่ผลไม้ไทยเท่านั้น พวกเขาแทบจะกราบคนให้ทีเดียว
ส่วนคนจีนนั้นขึ้นชื่อว่านักกินตัวยงอยู่แล้ว เพราะกินแบบไม่อั้นเหมือนพรุ่งนี้โลกจะแตก ที่มีข่าวว่าออสเตรเลียสามารถปลูกผลไม้เหมือนของเราได้แล้วนั้นไม่น่าเป็นห่วงครับ เขาปลูกได้จริงที่รัฐควีนแลนด์ทางตอนเหนือของประเทศที่มีภูมิอากาศแบบเขตมรสุมคล้ายเมืองไทย และนำเอาผู้เชี่ยวชาญจากเมืองไทยไปช่วยพัฒนา แต่ผลไม้ที่เอากิ่งต้นกล้าไปจากเมืองไทยทั้งขนุน กล้วยหอม ลำไย โดยธรรมชาติแท้ๆ ของมันก็เป็นผลไม้ที่เลือกดินเลือกน้ำและอากาศด้วยเช่นกัน เรื่องปลูกนั้นปลูกได้ครับ เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยได้ แต่เรื่องรสชาติไม่มีวันเหมือนปลูกที่เมืองไทยแน่นอน จึงไม่น่ากลัวเรื่องเป็นคู่แข่งกับผลไม้ไทย เพราะคนกินเขาก็เลือกเป็นเช่นกัน แต่ผลไม้ของเราก็ต้องพัฒนาคุณภาพให้มีมาตรฐานระดับพรีเมียมยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ทำให้ผมนึกถึงข้าว และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ประเทศของเราสามารถผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่งได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้วยการทำให้ประเทศไทยใสสะอาด เป็นแหล่งผลิตที่ปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์ รับรองว่าเศรษฐีอาหรับตะวันออกกลางจะมาเหมาไปกินทั้งหมดครับ
ทำดินน้ำและอากาศของเราให้อุดมสมบูรณ์ น้ำท่าสะอาดไหลชุ่มฉ่ำทั้งประเทศเหมือนในอดีต เท่านี้เราก็จะเป็นประเทศที่ใครๆ ก็อยากมากินมานอนและพักผ่อน ในราคาที่เรากำหนดได้แล้วครับ
ขอสงวนสิขสิทธิ์ในการนำบทความ และรูปภาพ บนเว็บไซต์ compasscm.com ไปคัดลอก เผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต มิเช่นนั้น ทางบริษัทฯ จะดำเนินคดีตามกฏหมายสูงสุด